สักขอบตาอินไลน์เนอร์ คืออะไร? เหมาะกับใคร ทำแล้วตาจะดูดุหรือไม่?

ใครที่อยากมีดวงตากลมโตสวยอย่างเป็นธรรมชาติ โดยที่ไม่ต้องแต่งหน้า มีดวงตาที่มีมิติ ยิ้มแล้วเพิ่มเสน่ห์ในแบบตัวเองมากขึ้น แนะนำให้ลองศึกษาบทความนี้ได้เลย กับการ สักขอบตาอินไลน์เนอร์ ทำแล้วหน้าดุไหม ทำแล้วหน้าเปลี่ยนหรือเปล่า เหมาะกับใครบ้าง รู้ก่อนตัดสินใจไปสัก รับรองได้ผลลัพธ์ที่ดีแน่นอน

สักขอบตาแบบอินไลน์เนอร์ (Inliner) คืออะไร?

อินไลน์เนอร์ หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า “การสักอินเนอร์ตาหวาน” เป็นการสักบริเวณชิดโคนขอบตาบน และค่อยๆ ไล่ปลายตามความโค้งของขอบตาไปจนถึงปลายหางตา ซึ่งจะทำให้รู้สึกตาหวานขึ้น มีมิติมากขึ้น และยังทำให้ดูเป็นคนมีขนตาเยอะมากขึ้น

สักขอบตา มีกี่แบบ

ในอดีตการสักขอบตา คือเพิ่มความชัดให้กับรูปตาเพียงเท่านั้น และนั่นจะทำให้ใบหน้าดูดุมากเกินไป ซึ่งทำให้มีผลต่อการแสดงสีหน้าในเชิงลบ ในปัจจุบัน การสักขอบตา มีการไล่ระดับความเข้ม-จาง หรือสามารถเล่นเงา เพื่อให้ดวงตามีมิติมากขึ้น รับกับใบหน้าได้หลากหลายมากขึ้น ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 2 แบบหลักๆ ดังนี้

สักอินเนอร์-ไลน์เนอร์ (Inner liner)

เป็นการสักชิดโคนขอบตาบนและโคนขอบตาล่าง ผลลัพธ์คือจะทำให้ดวงตากลมโตขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ และทำให้ขนตาดูเยอะขึ้น ซึ่งจะเหมาะกับผู้ที่ชอบความสวยแบบธรรมชาติ เพราะผลลัพธ์ที่ได้จะดูไม่เหมือนคนแต่งหน้า

สักขอบตา อายไลน์เนอร์ (Eyeliner)

เป็นการสักบริเวณเปลือกตา คล้ายกับการกรีดอายไลน์เนอร์ สามารถออกแบบลายเส้นได้หลากหลายกว่า เช่น เส้นใหญ่ เส้นบาง สักแบบมีหาง ตวัดหางขึ้น หรือจะสักแบบขอบตาหางหงส์ ที่ใช้เทคนิคไล่เฉดสีเหมือนแต่งตาย่อมทำได้

สักขอบตาอินไลน์เนอร์ เหมาะกับใครบ้าง

  • ผู้ที่ต้องการเพิ่มมิติให้กับดวงตากลมโตอย่างเป็นธรรมชาติ
  • ผู้ที่มีขนตาน้อย ขนตาบางและต้องการเพิ่มวอลุ่มให้ดูหนาขึ้น
  • ผู้ที่เขียนขอบตาไม่เป็น หรือไม่มีเวลาเขียนขอบตา
  • ผู้ที่ต้องการประหยัดเวลาในการแต่งหน้า
  • ผู้ที่มีอาการแพ้สารเคมีจากอายไลน์เนอร์

สักขอบตาอินไลน์เนอร์ ไม่เหมาะกับใคร

  • ผู้ที่มีขนตาหนาอยู่แล้ว แต่หากต้องการสักจริงๆ อาจจะต้องให้ผู้เชี่ยวชาญประเมินโครงสร้างดวงตาอื่นๆ ประกอบร่วมด้วย
  • ผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย หรือมีประวัติแพ้หมึกสักร่างกาย ควรเข้าปรึกษาแพทย์ก่อนทำ
  • ผู้ที่อยู่ในภาวะตาอักเสบ โรคตากุ้งยิง หรือมีอาการระคายเคืองผิวเปลือกตาต่างๆ ควรรักษาให้หายสนิทก่อนเข้ารับการสักขอบตา

สีที่ใช้ในการสักขอบตาอินไลน์เนอร์

หลายคนกังวลเกี่ยวกับสีที่ใช้ในการสักขอบตาอินไลน์เนอร์ ต้องบอกตรงนี้เลยว่า ไม่ว่าจะเป็นการสักขอบตาแบบไหนก็ตาม หากเข้ารับบริการกับสถานเสริมความงามที่ได้มาตรฐาน จะต้องใช้สีแบบพิเศษ ที่ผลิตเพื่อใช้ในทางการแพทย์ และใช้เพื่อเป็นเครื่องสำอางกับผิวหนังมนุษย์โดยเฉพาะ จะไม่ก่อให้เกิดการสะสมหรือนำไปสู่โรคมะเร็ง และก่อให้เกิดการแพ้ได้น้อยมาก

ข้อดีของการสักขอบตา

ข้อดี – ข้อเสีย จากการสักขอบตาอินไลน์เนอร์

เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าผลลัพธ์หลังสักขอบตาแบบอินไลน์เนอร์จะมีความเป็นธรรมชาติมากกว่าการสักขอบตาแบบอื่น ซึ่งดูเหมือนว่าไม่น่าจะมีอะไรน่ากังวล แต่เพื่อความพร้อมและเพื่อผลลัพธ์ที่ได้แบบตรงเป้าหมายที่สุดควรรู้ข้อดี-ข้อเสีย ก่อนตัดสินใจทำ

ข้อดีของการสักขอบตาอินไลน์เนอร์

  • ไม่บวม ไม่ทิ้งรอยช้ำเขียว
  • ไม่ต้องพักฟื้น ทำเสร็จสามารถไปทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้เลย
  • เมื่อเวลาผ่านไปสีสักจะยังคงสีเดิม ไม่เป็นสีเขียว
  • สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ

ข้อเสียของการสักขอบตาอินไลน์เนอร์

โดยปกติแล้วการสักขอบตาจะต้องทำกับผู้เชี่ยวชาญ หรือแพทย์เฉพาะทาง ที่เลือกใช้อุปกรณ์ของแท้ที่ผ่านอย.จะเกิดผลข้างเคียงน้อยมาก แต่หลังทำอาจเกิดอาการแสบตาเล็กน้อย หรืออาการเคืองตาได้ในผู้ที่ผิวบางและมีประวัติแพ้ง่าย

การเตรียมตัวก่อนสักขอบตาอินไลน์เนอร์

  1. ก่อนเข้ารับการสักขอบตาอินไลน์เนอร์ ควรผ่านขั้นตอนการปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญมาอย่างถี่ถ้วน ทั้งเรื่องของโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ของผิว รวมถึงประวัติการแพ้ยา เพื่อประเมินการเลือกใช้ยาชา และการสักให้เหมาะสมที่สุด หลังจากนั้นอาจต้องมีการเตรียมตัวล่วงหน้าเล็กน้อยดังนี้
  2. ทำความสะอาดผิวเปลือกตา และดูแลสุขภาพผิวรอบดวงตาให้แข็งแรง ไม่อักเสบ ไม่ติดเชื้อ
  3. หากยังอยู่ในขณะติดขนตาปลอม ควรเอาออกให้หมด เพื่อสะดวกต่อการลงสีสักบริเวณโคนขอบตา
  4. ล้างหน้าให้สะอาด งดแต่งหน้าในวันเข้ารับบริการสักขอบตาอินไลน์เนอร์

ขั้นตอนการสักขอบตาอินไลน์เนอร์

ขั้นตอนการสักขอบตาอินไลน์เนอร์ ไม่ยุ่งยาก และใช้เวลาไม่นาน ไม่ต้องพักฟื้น แต่ทั้งนี้ผู้เข้ารับบริการควรประเมินเวลาการเดินทาง และระยะเวลาที่ต้องใช้ เพื่อให้ทันต่อการไปทำธุระอื่นๆ ได้อย่างไม่รีบร้อน

  1. แพทย์ หรือช่างสักที่ชำนาญการสักขอบตา จะทำการออกแบบโครงร่างเส้นที่จะสักให้ผู้เข้ารับบริการดู เพื่อปรับแก้ให้อยู่ในระดับความพึงพอใจมากที่สุด
  2. พนักงานจะเริ่มทำความสะอาดรอบดวงตาให้สะอาด
  3. แพทย์ หรือช่างสักที่ชำนาญการสักขอบตา จะใช้ยาชาเฉพาะที่เหมาะสมกับร่างกายของผู้เข้ารับบริการ จากนั้นรอยาชาออกฤทธิ์รอประมาณ 15-30 นาที
  4. แพทย์ หรือช่างสักที่ชำนาญการสักขอบตา จะเริ่มการสักขอบตาอินไลน์เนอร์ โดยใช้เวลาในการสักประมาณ 30 นาที หรืออาจมากกว่านั้น เพราะจะมีการลงปลายเข็มย้ำ 2 – 3 รอบจนกว่าสีหมึกจะติดสนิทและเป็นเส้นสวยตามที่ออกแบบไว้

วิธีดูแล-ข้อควรระวังหลังสักขอบตาอินไลน์เนอร์

  • ห้ามโดนน้ำ
    หลังสักขอบตาแนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงการโดนน้ำประมาณ 24 ชั่วโมง เพื่อให้หมึกได้เซตตัวแน่นอย่างเต็มประสิทธิภาพ
  • หมั่นทายา / บำรุงผิวบริเวณสัก
    หลังกสักขอบตา จะมียาทาเพื่อบำรุงผิวสัก ควรทาตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อบำรุงผิวบริเวณที่สักไม่แห้งตึงจนเกินไป ซึ่งหากแห้งมากก็จะเกิดอาการระคายเคือง หรือคันได้
  • งดแคะแกะเกาสะเก็ดแผล
    เมื่อสักขอบตาผ่านไประยะหนึ่ง ผิวบริเวณที่ลงรอยเข็มจะเกิดการตกสะเก็ด และในบางรายอาจมีอาการคันร่วมด้วย ดังนั้นควรงดแกะ หรือเกา เพื่อป้องกันความสกปรกที่เล็บไปทำให้เกิดอาการติดเชื้อ ควรใช้วิธีทาครีมบำรุงให้ผิวชุ่มชื่นจะช่วยลดอาการคันได้

ผลลัพธ์ที่ดีหลังสักขอบตาอินไลน์เนอร์ ควรเป็นอย่างไร

การแสดงผลลัพธ์หลังสักขอบตาอินไลน์เนอร์ จะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลงทันทีตั้งแต่สักเสร็จใหม่ๆ และจะค่อยๆ เห็นชัดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป 30 – 40 วัน ซึ่งจะแบ่งระยะการแสดงผลลัพธ์ได้ดังนี้

  • หลังสักเสร็จทันที
    สีขอบตาจะดูเข้มมากกว่าปกติ ไลน์เส้นจากหมึกจะเห็นชัด โดยเฉพาะบริเวณผิวหนังกำพร้า และจะเกิดอาการบอบช้ำหรืออาการตึงๆ บริเวณผิวเปลือกตา
  • วันที่ 1-2
    สำหรับคนที่ผิวบาง และแพ้ง่าย อาจจะมีรอยแดงขึ้นยาวทั่วขอบตา แต่จะค่อยๆ หายเป็นปกติได้เอง ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน
  • วันที่ 3-4
    ขอบตาจะเข้มขึ้นมาก มองเผินๆ รู้สึกเหมือนขนตาหนาฟูขึ้น และเป็นช่วงที่ผิวที่สักเริ่มแห้งเป็นสะเก็ดหนา
  • วันที่ 4-7
    เป็นช่วงที่เแผลรอยสักจะเริ่มตกสะเก็ด และค่อยๆ หลุดลอกออกมา บางส่วนที่หลุดออกมาจะติดหมึกออกมาด้วย แต่เป็นภาวะปกติ ไม่ต้องกังวล
  • วันที่ 8-10
    สะเก็ดหลุดออกจนหมด สีขอบตาดูจางมาก หรือในบางคนแทบมองไม่เห็นว่าไปสักมา
  • วันที่ 10-14
    สีสักขอบตาจะเซตตัวเข้ากับผิวหนัง และจะแสดงสีชัดขึ้น
  • วันที่ 30-40
    เป็นระยะเวลาที่มองเห็นสีสักขอบตาได้อย่างสมบูรณ์แบบ และชัดเจนที่สุด

เลือกสักขอบตาอินไลน์เนอร์ ที่ไหนดีถึงปลอดภัย

การสักขอบตา ก็คือการทำหัตถการความงามบนร่างกาย ดังนั้นแล้ว การเลือกสถานที่สัก ควรเป็นไปตามหลักมาตรฐานคลินิกเสริมความงามเช่นกัน ที่ยึดมาตรฐานความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่ดีที่สุดดังนี้

มาตรฐานคลินิก – สถานที่สักขอบตา

  • สถานที่จะต้องมีใบอนุญาตให้เปิดทำการถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ
  • สถานที่ตั้งอยู่ในละแวกปลอดโปร่ง มองเห็นได้ง่าย มีชื่อติดให้เห็นได้ชัดเจน
  • สถานที่จะต้องเดินทางสะดวก มีที่จอดรถ และรองรับผู้เข้ารับบริการได้อย่างเพียงพอ ไม่แออัด
  • ภายในสถานที่ต้องสะอาดสะอ้าน

เลือกแพทย์ หรือช่างสักที่เชี่ยวชาญในด้านการสักขอบตาโดยเฉพาะ

  • จะต้องมีความรู้เรื่องการสักผิวหนัง
  • มีประสบการณ์ทั้งด้านการออกแบบ และลงมือสักเอง
  • มีรีวิวผลงานการสักขอบตาอินไลน์เนอร์ให้ดูมากมาย
  • ให้คำปรึกษา ลงมือสัก และติดตามผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง
  • อุปกรณ์ – หมึกสักของแท้ และเปิดใช้งานแบบเคสต่อเคส
  • เพราะการสักเป็นการใช้เข็มกับผิวหนัง ดังนั้นควรเลือกคลินิกที่ใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์แบบรายบุคคล คือใช้ครั้งเดียวทิ้ง และเลือกคลินิกที่ใช้หมึกของแท้ มีคุณภาพ สดใหม่ไม่หมดอายุ

สักขอบตาอินไลน์เนอร์ ราคาเท่าไหร่

ค่าใช้จ่ายในการเข้ารับบริการการสักขอบตาอินไลน์เนอร์ มีราคาที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับมาตรฐานของแต่ละคลินิกหรือสถานเสริมความงามนั้นๆ หรืออาจมีช่วงโปรโมชั่น แต่โดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ 6,500-20,000 บาทเป็นต้นไป

คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับการสักอินไลน์เนอร์

Q : หลังสักขอบตาอินไลน์เนอร์ ตาจะบวมไหม?
A : อาการบวมอาจเกิดขึ้นเล็กน้อย ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดกับผู้ที่มีผิวบอบบาง แต่จะค่อยๆ หายเป็นปกติประมาณ 3 – 4 วัน และขึ้นอยู่กับสุขภาพผิวของแต่ละบุคคล

Q : สักอินไลน์เนอร์ เจ็บไหม?
A : ระหว่างทำ และทำเสร็จจะไม่ให้ความรู้สึกเจ็บ เนื่องจากมีการทายาชาก่อนล่วงหน้า แต่หลังสักเสร็จอาจมีอาการระคายเคืองตา หรือบวมช้ำได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวบอบบาง

Q : สักอินไลน์เนอร์ อันตรายหรือเปล่า?
A : หากทำโดยแพทย์หรือช่างที่เชี่ยวชาญการสักขอบตา จะไม่เกิดอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น แต่ส่วนใหญ่ผลข้างเคียงที่ไม่ปลอดภัยต่อผิวหนังและดวงตา มักเกิดจากการเลือกทำกับผู้ไม่เชี่ยวชาญ สักไม่เป็น สีไม่ได้มาตรฐาน เช่น สีไม่ติด สีลอกหลุด หรือหนักสุดคือ ผิวตาติดเชื้อ

Q : สักอินไลน์เนอร์ อยู่ได้ถาวรไหม?
A : ไม่สามารถอยู่ได้ถาวรต่อการสัก 1 ครั้ง จะอยู่ได้นานประมาณ 2 – 3 ปี ทั้งนี้หากผู้ที่ต้องการคงสภาพสีหมึกให้ชัด เส้นไลน์ให้สวยตลอด สามารถปรึกษาแพทย์ หรือช่างสักเพื่อประเมินการเติมสีได้เช่นกัน

Q : ถ้าต้องการเติมสีอินไลน์เนอร์ จะทำได้เมื่อไหร่ เติมได้บ่อยแค่ไหน?
A : ส่วนใหญ่แล้วผู้ที่ต้องการเติมสีอินไลน์เนอร์ จะไม่รอให้จางจนหมด แต่จะมาเติมก่อนระยะเวลาหมดอายุ ซึ่งแนะนำให้เติมปีละ 1 ครั้ง หรือตามความเหมาะสมของการประเมินแพทย์ หรือช่างสัก

Q : สักอินไลน์เนอร์กี่วันลอก?
A : หลังสักอินไลน์เนอร์ประมาณ 4 – 10 วัน จะเริ่มลอกออกจนหมด และจะเป็นช่วงที่หมึกค่อยๆ เซตตัวกับผิวหนัง และกลับมามาเห็นเส้นหมึกชั้นขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 20-30 วัน

Q : วิธีแก้ไขหรือลบรอยสักขอบตาอินไลน์เนอร์ ต้องทำอย่างไร?
A : กรณีที่ต้องการลบรอยสักขอบตา อันเกิดจากสักกับผู้ไม่เชี่ยวชาญ เส้นเบี้ยว ไม่สวย ไม่อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ สามารถแก้ไขด้วยการยิงเลเซอร์ลบรอยสัก ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่ให้ผลลัพธ์ที่ดี และปลอดภัยที่สุด

สรุป การสักขอบตาอินไลน์เนอร์ เหมาะกับใครที่สุด

สรุป การสักขอบตาอินไลน์เนอร์ เหมาะกับใครที่สุด

วิธีการสักอินไลน์เนอร์ คือการสักให้ชิดโคนขอบตาบนมากที่สุด ดังนั้นจึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการให้ดวงตากลมโตขึ้น แต่ไม่ทิ้งความเป็นธรรมชาติ ไม่หลอกตา และดูเหมือนไม่ใช่การแต่งหน้าหรือลงเมคอัพหนักๆ เหมือนการสักอายไลน์เนอร์ ทั้งนี้หากใครที่สนใจสักขอบตาอินไลน์เนอร์ ควรปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบและลงมือสักอย่างแท้จริง เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวยถูกใจ และปลอดภัยต่อผิวหนัง

สืบค้นข้อมูลจาก

ASHLEY REBECCA. (UPDATED06/21/22). Is Permanent Eyeliner Worth It? I Tried It to Find Out. https://www.byrdie.com/eyeliner-tattoo-5080459