ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ครั้งแรกควรรู้อะไรบ้าง ใช้กี่CC อยู่ได้นานแค่ไหน อันตรายไหม?

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ปัญหาริ้วรอยใต้ตาที่อาจทำให้เกิดปัญหาใต้ตาคล้ำเป็นหมีแพนด้าตามมา เมื่อปล่อยไว้นานๆไม่ได้รับการดูแลหรือรักษาอย่างถูกวิธีก็จะกลายเป็นถุงใต้ตา และทำให้ร่องใต้ตาลึกดูตาโบ๋ได้ ส่งผลให้ใบหน้าหมด สง่าราศี ทำให้ดูแก่ก่อนวัย ดูโทรมดูไม่สดใสเหมือนเป็นคนง่วงนอนอยู่ตลอดเวลา วันนี้เรามีวิธีรักษาปัญหาใต้ตาสำหรับคนที่ต้องการแก้ปัญหาแบบเร่งด่วน โดยการฉีดฟิลเลอร์นั่นเอง

ถึงวิธีการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะเป็นการแก้ไขปัญหาที่ได้ผลเร็ว แต่ก็จำเป็นต้องรู้และเข้าใจสิ่งที่จะได้รับการบริการก่อนการฉีด รวมถึงผลข้างเคียงที่อาจทำให้เกิดอันตรายได้หากได้รับการบริการจากคลินิกที่ไม่มีมาตรฐานและแพทย์ที่ฉีดขาดความชำนาญหรือเชี่ยวชาญด้านกายวิภาคของกล้ามเนื้อใบหน้า

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือ การฉีดสาร (Hyaluronic Acid) ไฮยาลูรอนิค แอซิด เข้าไปช่วยเติมเต็มตรงบริเวณผิวหนังใต้ตาหรือในจุดที่มีปัญหา เช่น ผิวใต้ตาคล้ำ มีขอบตาดำ มีเบ้าตาลึก โดยตัวยาฟิลเลอร์จะมีคุณสมบัติพิเศษคือช่วยอุ้มน้ำได้เป็นอย่างดีและช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในใต้ชั้นผิวและช่วยเติมเต็มร่องลึกให้ดูตื้นขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติมากอีกด้วย

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยเรื่องอะไรบ้าง

1.ช่วยลดริ้วรอยใต้ตา หางตา รอยตีนกา รอยย่นรอบดวงตาได้
2.ช่วยแก้ปัญหาเบ้าตาลึก ตาดูโบ๋ มีร่องใต้ตาลึกได้
3.ช่วยแก้ปัญหาการเกิดถุงใต้ตา ที่ทำให้ใต้ตาหย่อนคล้อยได้
4.ช่วยลดเลือนใต้ตาคล้ำ ตาดำให้จางลงได้
5.ช่วยปรับโหงวเฮ้ง ช่วยให้ใต้ตาเต็มอิ่ม
6.ช่วยให้ผิวใต้ตาสว่างสดใสขึ้น เรียบเนียนไม่ดำคล้ำอีกต่อไป

ใต้ตาคล้ำและถุงใต้ตา เกิดจากอะไร

ปัญหาใต้ตาดำคล้ำ

1.มีอายุที่เพิ่มมากขึ้น

เป็นสาเหตุที่พบบ่อย เพราะ ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนได้ลดลง จึงทำให้ผิวหนังบางลง และขาดความยืดหยุ่น จึงเห็นผิวหย่อนลง เกิดเป็นรอยคล้ำใต้ตาได้

2. การพักผ่อน

การนอนดึกหรือนอนน้อย และความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน เป็นอีกสาเหตุที่พบได้บ่อยในกลุ่มคนวัยทำงาน การ อดนอนเป็นเวลานาน ๆ จะทำให้ผิวใต้ตาซีดลงและมีสารน้ำคั่งตรงบริเวณใต้ตาได้ จึงเห็นเส้นเลือดใต้ตาเป็นรอยคล้ำได้อย่างชัดเจน

3.ภูมิแพ้

คนที่เป็นภูมิแพ้ จะทำให้ร่างกายผลิตสารที่ชื่อเรียก ว่า Histamine ขึ้นมาเป็นจำนวนมากเพื่อทำลายเชื้อแบคทีเรียต่างๆ ส่งผลให้เกิดการระคายเคืองผิวและทำให้ เส้นเลือดใต้ตาเกิดการขยายตัว จนเห็นเป็นรอยคล้ำใต้ตาได้

4.การใช้มือถือ อยู่กับหน้าจอเป็นเวลานานๆ

ด้วยพฤติกรรมเหบ่านี้ตะทำให้เราจ้องมือถือหรือใช้คอมพิวเตอร์อยู่ตลอดเวลา จึงทำให้เกิดตาล้า เส้นเลือดใต้ตามีการขยายตัวจนสังเกตได้ว่าเป็นรอยคล้ำตรงบริเวณใต้ตาได้

5.ดื่มน้ำน้อย

การที่ดื้มน้ำในแต่ละวันไม่เพียงพอหรือน้อยเกินไปจะทำให้เกิดรอยคล้ำใต้ตาได้เช่นเดียวกัน เพราะร่างกายได้รับน้ำที่ไม่เพียงพอในแต่ละวันตึงทำให้ ผิวบริเวณใต้ตาเกิดการเหี่ยวแน่นและ ขาดความชุ่มชื้น เกิดเป็นเงาๆใต้ตาได้

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับใคร

  • เหมาะกับผู้ที่มีใต้ตาคล้ำจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม
  • เหมาะกับผู้ที่มีผิวหนังเกิดการผลิตเม็ดสีผิว (Melanin) มาจำนวนมากกว่าปกติ
  • เหมาะกับผู้ที่มีผิวหนังบริเวณใต้ตาเกิดการเหี่ยว ย่น
  • เหมาะกับผู้ที่มีรอยคล้ำใต้ตา เป็นร่องลึก ตาดูโบ๋ ที่เกิดจากการขยี้ตาบ่อย ๆ
  • เหมาะกับผู้ที่มีถุงใต้ตา และ ร่องใต้ตาตามธรรมชาติ ทำให้หน้าดูโทรมแลดูไม่สดใส

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม

การฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตา ด้วยสาร (Hyaluronic Acid)ไฮยาลูรอนิค แอซิด ของแท้ ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน และแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง ถือเป็นวิธีการเติมเต็มใต้ตาที่มีความปลอดภัยสูง มีโอกาสเกิดอันตรายหรือผลที่ไม่พึงประสงค์นั้นมีน้อยมากๆ ส่วนใหญ่ที่พบว่า การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วมีอันตรายมักมาจาก การฉีดกับหมอเถื่อนที่ไม่มีความรู้ จนทำให้ฉีดฟิลเลอร์เข้าหลอดเลือด ทำให้เกิดการอุดตัน เป็นผลทำให้ตาบอดนั่นเอง

ทำยังไงให้ฟิลเลอร์ที่ใต้ตา อยู่ได้นานขึ้น?

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัส ห้ามเกา กด บีบ จับโดยเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้เสี่ยงต่อการอักเสบขึ้นได้ แค่หากมีอาการคันไม่หายไปภายใน 3 วัน ควรรีบแจ้งแพทย์อย่างโดยเร็ว เพื่อความปลอดภัย
  • หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดและความร้อน เพื่อไม่ให้ฟิลเลอร์โดนความร้อนที่มีอุณหภูมิสูง เช่นการเข้าห้องซาวน่า ทั้งนี้เพราะความร้อนจะทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วขึ้นได้
  • ควรหลีกเลี่ยงการทานวิตามิน เช่น กิงโกะ กระเทียม โสม น้ำมันพริมโรส และวิตามินอี เพื่อไม่ให้สารเหล่านั้นทำปฎิกริยาหรือส่งผลร้ายกับการตัวยาฟิลเลอร์ หรืออาจทำให้คนไข้เสี่ยงกับภาวะช้ำได้ง่ายกว่าปกติ
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่มีฤทธิ์การแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน และยาแก้อักเสบทุกชนิดควรหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้ตัวยาฟิลเลอร์สลายเร็วขึ้น
  • ควรดื่มน้ำสะอาดให้มากๆเพื่อช่วยตัวยาอุ้มน้ำได้ดี แพทย์จึงแนะนำให้ดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว หรือประมาณ 2 ลิตรต่อวัน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและคงทน เพราะการดื่มน้ำจะช่วยให้ฟิลเลอร์ มีประสิทธิภาพยาวนานที่ดีขึ้น
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดและสูบบุหรี่ร่วมด้วย สารเหล่านี้จะทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วและอาจอยู่ได้ไม่นานมากนัก

ข้อระวังในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีอะไรบ้าง

1.ควรระวังกับผู้ที่มีภาวะอักเสบติดเชื้อที่ผิวหนัง
2.ควรระวังกับผู้ที่มีประวัติแพ้ส่วนประกอบของฟิลเลอร์
3.ควรระวังกับผู้ที่มีประวัติแพ้ยาชา
4.ควรระวังกับผู้ที่อยู่ในภาวะเลือดไหลไม่หยุด
5.ห้ามทำในผู้ที่ตั้งครรภ์ หรือในกรณีให้นมบุตร

ทำไมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน

มีหลายคนที่ประสบปัญญหาหลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน นั่นอาจเกิดมาจากการที่แพทย์ฉีดผิดตำแหน่งในผิวชั้นตื้นก็จะทำให้ตัวยาฟิลเลอร์เป็นก้อนๆ และ บวมขึ้นได้ รวมถึงการใช้ชนิดของฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสมเช่น ใช้ตัวยาฟิลเลอร์ที่มีลักษณะแข็งและเหนียวค่อนข้างมาก อาจทำให้หลังการฉีดใต้ตาดูเป็นก้อนได้

วิธีดูฟิลเลอร์แท้ที่ปลอดภัย

  • สังเกตได้จากฉลากภาษาไทยติดอยู่บนกล่อง มีวันหมดอายุระบุอยู่ข้างกล่อง และ มีราคาระบุ ไว้อย่างชัดเจน
  • มีเลข Lot.ที่สามารถตรวจสอบได้ และ แกะยากล่องใหม่ให้ดูต่อหน้าทุกครั้ง
  • มีวันที่ผลิต วันหมดอายุแจ้งชัดเจนที่กล่องยา
  • ห้ามซื้อฟิลเลอร์จากอินเตอร์เน็ต เพราะอาจเป็นของปลอม เนื่องจากฟิลเลอร์ของแท้จะมีแพทย์เท่านั้นที่สามารถสั่งซื้อได้

อันตรายจากฟิลเลอร์ปลอม

ถ้าหากได้รับการฉีดฟิลเลอร์ปลอม อาจจะไม่ได้ส่งผลในทันที แต่ส่งผลในระยะยาวเช่น

  • เมื่อฉีดฟิลเลอร์ไปแล้ว 3-5 ปี ซิลิโคนเหลวจะเริ่มไหลออกมากองเป็นก้อนๆทำให้ผิวหนังบวม ห้อยย้อย เป็นก้อนแข็งและทำให้ผิวหนังบริเวณที่ฉีดผิดรูป
  • เนื้อตาย เกิดพังผืด บวม แดง อักเสบติดเชื้อได้ ต้องผ่าตัดหรือขูดออกเท่านั้น ไม่มียาสำหรับฉีดสลาย ซึ่งต่างจากการฉีดฟิลเลอร์แท้ ที่สามารถใช้ยา Hyaluronidase ฉีดสลายได้

ฉีดฟิลเลอร์ใต้อยู่ได้นานแค่ไหน

ฟิลเลอร์ใต้ตาจะอยู่ได้ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ รวมไปถึงการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็ว เพื่อจะช่วยคงผลลัพธ์ได้นานขึ้น

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรใช้ปริมาณกี่ CC

โดยทั่วไป แพทย์จะใช้ตัวยาฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ที่ 2 – 4 CC เพื่อให้เห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้น สำหรับในผู้ที่มีร่องใต้ตาไม่ลึกมากแพทย์จะ ฉีดตัวยาข้างละ 1 CC ก็พอ แต่หากในคนไข้ที่มีปัญหาใต้ตาลึกมากๆ ก็อาจจะใช้ตัวยาฟิลเลอร์ที่เพิ่มขึ้น (ขึ้นอยู่กับแพทย์จะพิจารณาเป็นรายเคส)

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเจ็บไหม

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แพทย์จะมีการทายาชาให้ก่อนหัตถการทุกครั้ง ทำให้ช่วยลดความเจ็บขณะฉีดลดน้อยลงได้ ซึ่งคนไข้จะรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และใช้เวลาหัตถการที่สั้นมาก จึงสามารถทนความเจ็บนั้นได้

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี

  • Restylane Perlane Lyft (สวีเดน อยู่ได้ 12 เดือน) เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีความคงตัวมากที่สุด ไม่ฟู สามารถยกผิวในชั้นกระดูกได้ใกล้เคียงกระดูกมากที่สุด
  • Juvederm Voluma (อเมริกา อยู่ได้ 18 เดือน) เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็งที่มีความยืดหยุ่นสูงแต่ยังมีความคงตัว อุ้มน้ำได้มาก เนื้อฟูปานกลาง
  • Restylane Defyne (สวีเดน อยู่ได้ 18 เดือน) เนื้อเจลมีความยืดหยุ่นและอุ้มน้ำได้มากกว่าและอยู่ได้นานกว่า Restylane Perlane Lyft

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • ควรงดยา แอสไพริน, NSAIDs เช่น Ibuprofen Diclofenac Ponstan เป็นเวลา 1 อาทิตย์
  • งดการแว็กซ์ การดึงขนหรือโกนขนเป็นเวลา 3 วัน
  • หากมีโรคประจำตัว หรือยาที่กินเป็นประจำอื่น ๆ ควรรีบแจ้งกับแพทย์ให้ทราบทันที
  • งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด 24 ชม.
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด อย่างน้อย3 วัน

วิธีปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • ทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ไม่
  • อยู่ในที่มีอากาศเย็น ไม่ร้อนจนเกินไป ภายใน 2-3 คืนแรก
  • ควรนอนโดยใช้หมอนหนุนศีรษะอย่างน้อย 2 ใบ เพื่อให้ศีรษะอยู่สูงกว่าระดับหน้าอก
  • งดการนอนตะแคง ภายใน 24. ชั่วโมง
  • ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 1.5 – 2 ลิตร

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากี่วันเข้าที่ ?

โดยทั่วไปหลังการฉีดฟิลเลอร์จะเริ่มยุบบวมและเข้าที่ประมาณ 70 – 80% ภายใน 4 – 5 วัน และให้ผลลัพธ์อย่างชัดเจนอย่างเต็มที่ 100% ภายใน 14 วัน

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี

  • เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานมีการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง
  • เลือกคลินิกที่มีป้ายรายชื่อผู้ประกอบวิชาชีพในคลินิกติดไว้ในที่เปิดเผย
  • เลือกคลินิกที่มีสถานที่ตั้งอยู่ในแหล่งที่ปลอดภัย เดินทางสะดวก มองเห็นได้ง่าย ไม่แออัดหรือหลบมุม
  • เลือกคลินิกที่มีแพทย์และเจ้าหน้าที่ สามารถให้ข้อมูลรายละเอียดอย่างชัดเจน
  • เลือกคลินิกที่ใช้ฟิลเลอร์ของแท้เท่านั้นและต้องมีราคาสมเหตุสมผล ไม่ถูกหรือแพงจนเกินไป

สรุป

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยรักษาริ้วรอยใต้ตาที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบันเพราะ ช่วยเติมเต็มร่องใต้ตา ลดผิวคล้ำใต้ตาให้กลับมาสดใส ทำให้ผิวใต้ตาเรียบเนียน กระชับ ดูอ่อนวัยและสดชื่นขึ้นกว่าเดิม